หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
แนะนำอาเซียน
กิจกรรม
ข่าวสาร
ข่าวในประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
ความตกลง
APSC
AEC
ASCC
ASEAN PLUS
บทความ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรรมอาเซียน
บทความวิชาการ
งานวิจัย
กฎหมายน่ารู้
ติดต่อเรา
เอเปคผลักดันการบูรณาการระดับภูมิภาค การเชื่อมโยง และความยั่งยืน
ข่าวต่างประเทศ
03 Mar 2022
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสจากประเทศสมาชิก ๒๑ ประเทศผลักดันการทำงานของเอเปคเพื่อการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค การเชื่อมโยงภายในภูมิภาค และสร้างความยั่งยืนสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตตามแนวทางการประชุมเอเปค ค.ศ. ๒๐๒๒ ภายใต้แนวคิดการประชุมที่เปิดกว้าง เชื่อมโยง และสมดุล
ในระหว่างการประชุมเจ้าหน้าอาวุโสครั้งแรกของปี ค.ศ. ๒๐๒๒ ประเทศสมาชิกเอเปคได้หารือแนวทางการเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific: FTAAP) ภายหลังสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด - ๑๙ การเปิดพรมแดนในภูมิภาคเพื่อการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย ตลอดจนการสำรวจโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (bio-circular-green: BCG)
นายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและประธานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค
กล่าวว่า ในปี ค.ศ. ๒๐๒๑ ประเทศสมาชิกได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนการเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของประเทศสมาชิกเป็นประเด็นสำคัญ ขณะเดียวกันยังคงมีโอกาสสำหรับการสร้างความร่วมมือ และทำให้ภูมิทัศน์เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเกิดความท้าทายขึ้น โดยเฉพาะความท้าทายจากการระบาดของไวรัสโควิด – ๑๙ นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำการปรับปรุงการทำงานเพื่อการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ การจัดการประเด็นปัญหาด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเห็นว่าเป็นประเด็นที่จำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน
ด้านคณะกรรมาธิการการค้าและการลงทุนของเอเปคได้หารือเกี่ยวกับเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก และการฟื้นฟูหลังสถานการณ์การระบาด โดยกำหนดให้มีการประชุมในวันที่ ๑๕ มีนาคม ค.ศ. ๒๐๒๒ ส่วนการเจรจาระหว่างภาครัฐและเอกชนจะอยู่ภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบการประชุมด้านการค้า ซึ่งจะจัดประชุมในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. ๒๐๒๒ ได้รับความร่วมมือจากสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค
ประเทศสมาชิกเอเปคได้เน้นย้ำความสำคัญของการค้าซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นให้มีการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งแก่บทบาทของระบบการค้าพหุภาคีที่มีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นแกนหลัก
ประธานฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญของการประชุมเอเปคโดยชี้ให้เห็นว่าจะสามารถสร้างผลลัพธ์สำคัญของการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ ๑๒ ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ. ๒๐๒๒ รวมถึงประเด็นด้านการค้า สุขภาพ สิ่งแวดล้อม การเกษตร การอุดหนุนการประมง และการปฏิรูปองค์การการค้าโลก
นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกยังเรียกร้องให้มีการปรับปรุงภาคบริการในภูมิภาคผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและแผนงานด้านการแข่งขันของภาคบริการเอเปค โดยเน้นย้ำให้มีความพยายามอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับภาคบริการ ตลอดจนการหารือเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
ตามรายงานของหน่วยสนับสนุนนโยบายเอเปคชี้ให้เห็นว่า เอเปคมีส่วนแบ่งด้านการส่งออกบริการ
ในตลาดโลกลดลงจากร้อยละ ๓๘.๘ ในปี ค.ศ. ๒๐๑๖ เป็นร้อยละ ๓๘.๑ ในปี ค.ศ. ๒๐๑๙ ซึ่งหมายความว่าเอเปคได้ลดวิถีการดำเนินธุรกิจและต้องเพิ่มการส่งออกของภาคบริการเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งของภาคส่วนดังกล่าวในตลาดโลกให้ได้ภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๕ เนื่องจากภาคบริการมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ โดยสามารถสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจและอัตราการจ้างงานสูง เอเปคจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างแรงผลักดันเพื่อเป็นหลักประกันให้แก่สภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและสามารถคาดการณ์ได้ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเข้าถึงตลาดบริการ
อย่างไรก็ดี เพื่อขับเคลื่อนวาระด้านความยั่งยืนของเอเปค ได้มีการเสนอการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจที่จะช่วยส่งเสริมความพยายามในการจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม กลไกส่งเสริมความยั่งยืนของเอเปคให้มีการกระจายงาน ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นความก้าวหน้าของวาระความยั่งยืนให้มีการดำเนินการอย่างบูรณาการและครอบคลุม
ทั้งนี้ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคดังกล่าวเป็นการประชุมครั้งแรกของปีและจะมีการจัดประชุมอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ข่าวประจำวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕
แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.apec.org/press/news-releases/2022/apec-propels-regional-integration-connectivity-and-sustainability
© 2017 Office of the Council of State.