ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (HCCH)
ข่าวต่างประเทศ 05 Mar 2021
ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law – HCCH)
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 สภาที่ปรึกษา Council on General Affairs and Policy (CGAP) ของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล (Hague Conference On Private International Law - HCCH) ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในโอกาสที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 88 ของที่ประชุม HCCH ขณะที่ประเทศเอลซัลวาดอร์สมัครเป็นสมาชิกใหม่และประเทศอิสราเอลได้ลงนามในอนุสัญญา HCCH เพิ่มเติมจำนวนสองฉบับ
นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ได้ยื่นตราสารการยอมรับธรรมนูญของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล มีผลให้ประเทศไทยเป็นสมาชิกลำดับที่ 88 ของ
ที่ประชุม HCCH ซึ่งประเทศไทยได้มีส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ HCCH มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 และเป็นภาคีสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับ HCCH 2 ฉบับ ได้แก่ อนุสัญญากรุงเฮก ปี ค.ศ.1980 ว่าด้วยลักษณะทางแพ่งในการลักพาตัวเด็กข้ามชาติ (The Hague Convention on the Civil Aspects of International Child Abduction) และอนุสัญญากรุงเฮก ปี ค.ศ. 1993 ว่าด้วยการคุ้มครองเด็กและความร่วมมือเรื่องการรับรองบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ (Convention on Protection of Children and Co-Operation in Respect of Intercountry Adoption)
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน H.E. Ms Carmen María Gallardo Hernández เอกอัครราชทูตประเทศเอลซัลวาดอร์ประจำเนเธอร์แลนด์ ได้ยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ HCCH ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะใช้เวลาลงคะแนนเป็นเวลา
หกเดือน หากเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ ประเทศเอลซัลวาดอร์จะได้รับเชิญให้ยื่นตราสารยอมรับธรรมนูญของ HCCH
ปัจจุบัน เอลซัลวาดอร์เป็นภาคีอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการยกเลิกข้อกำหนดของการนิติกรณ์สำหรับเอกสารมหาชนจากต่างประเทศ (1961 Apostille Convention) อนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยลักษณะทางแพ่งในการ
ลักพาตัวเด็กระหว่างประเทศ (1980 Child Abduction Convention) และอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการคุ้มครองเด็กและความร่วมมือเรื่องการรับรองบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ (1993 Adoption Convention)
ในโอกาสเดียวกัน H.E. Mr Naor Gilon เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ลงนามในอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยข้อตกลงเลือกศาล ค.ศ. 2005 (2005 Choice of Court Convention) ซึ่งปัจจุบันอนุสัญญาฯ ดังกล่าวได้มีผลใช้บังคับและมีผลผูกพันกับ 31 ประเทศและสหภาพยุโรป และจะมีผลใช้ผลบังคับกับอิสราเอลเมื่ออิสราเอลได้ส่งมอบสัตยาบันสาร นอกจากนี้ อิสราเอลยังได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการรับรองและบังคับตามคำพิพากษาของศาลต่างประเทศในคดีแพ่งและพาณิชย์ ค.ศ. 2019 (2019 Judgments Convention) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผลใช้บังคับ โดยอิสราเอลเป็นประเทศลำดับที่สามที่ลงนามอนุสัญญาฉบับนี้ อนึ่ง อิสราเอลเป็นสมาชิกของ HCCH ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 และเป็นภาคีอนุสัญญาอื่น ๆ ของ HCCH อีกจำนวนเจ็ดฉบับ
เข้าถึงธรรมนูญของที่ประชุม HCCH และอนุสัญญาฯ ต่าง ๆ ได้ที่นี่ https://www.hcch.net/en/instruments/conventions
ข่าว ณ วันที่ 3 มีนาคม 2564
เรียบเรียงจากเว็บไซต์ Hague Conference On Private International Law – HCCH
เข้าถึงต้นฉบับข่าวได้ที่ https://www.hcch.net/en/news-archive/details/?varevent=793
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 สภาที่ปรึกษา Council on General Affairs and Policy (CGAP) ของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล (Hague Conference On Private International Law - HCCH) ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในโอกาสที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 88 ของที่ประชุม HCCH ขณะที่ประเทศเอลซัลวาดอร์สมัครเป็นสมาชิกใหม่และประเทศอิสราเอลได้ลงนามในอนุสัญญา HCCH เพิ่มเติมจำนวนสองฉบับ
นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ได้ยื่นตราสารการยอมรับธรรมนูญของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล มีผลให้ประเทศไทยเป็นสมาชิกลำดับที่ 88 ของ
ที่ประชุม HCCH ซึ่งประเทศไทยได้มีส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ HCCH มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 และเป็นภาคีสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับ HCCH 2 ฉบับ ได้แก่ อนุสัญญากรุงเฮก ปี ค.ศ.1980 ว่าด้วยลักษณะทางแพ่งในการลักพาตัวเด็กข้ามชาติ (The Hague Convention on the Civil Aspects of International Child Abduction) และอนุสัญญากรุงเฮก ปี ค.ศ. 1993 ว่าด้วยการคุ้มครองเด็กและความร่วมมือเรื่องการรับรองบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ (Convention on Protection of Children and Co-Operation in Respect of Intercountry Adoption)
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน H.E. Ms Carmen María Gallardo Hernández เอกอัครราชทูตประเทศเอลซัลวาดอร์ประจำเนเธอร์แลนด์ ได้ยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ HCCH ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะใช้เวลาลงคะแนนเป็นเวลา
หกเดือน หากเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ ประเทศเอลซัลวาดอร์จะได้รับเชิญให้ยื่นตราสารยอมรับธรรมนูญของ HCCH
ปัจจุบัน เอลซัลวาดอร์เป็นภาคีอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการยกเลิกข้อกำหนดของการนิติกรณ์สำหรับเอกสารมหาชนจากต่างประเทศ (1961 Apostille Convention) อนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยลักษณะทางแพ่งในการ
ลักพาตัวเด็กระหว่างประเทศ (1980 Child Abduction Convention) และอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการคุ้มครองเด็กและความร่วมมือเรื่องการรับรองบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ (1993 Adoption Convention)
ในโอกาสเดียวกัน H.E. Mr Naor Gilon เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ลงนามในอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยข้อตกลงเลือกศาล ค.ศ. 2005 (2005 Choice of Court Convention) ซึ่งปัจจุบันอนุสัญญาฯ ดังกล่าวได้มีผลใช้บังคับและมีผลผูกพันกับ 31 ประเทศและสหภาพยุโรป และจะมีผลใช้ผลบังคับกับอิสราเอลเมื่ออิสราเอลได้ส่งมอบสัตยาบันสาร นอกจากนี้ อิสราเอลยังได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการรับรองและบังคับตามคำพิพากษาของศาลต่างประเทศในคดีแพ่งและพาณิชย์ ค.ศ. 2019 (2019 Judgments Convention) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผลใช้บังคับ โดยอิสราเอลเป็นประเทศลำดับที่สามที่ลงนามอนุสัญญาฉบับนี้ อนึ่ง อิสราเอลเป็นสมาชิกของ HCCH ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 และเป็นภาคีอนุสัญญาอื่น ๆ ของ HCCH อีกจำนวนเจ็ดฉบับ
เข้าถึงธรรมนูญของที่ประชุม HCCH และอนุสัญญาฯ ต่าง ๆ ได้ที่นี่ https://www.hcch.net/en/instruments/conventions
ข่าว ณ วันที่ 3 มีนาคม 2564
เรียบเรียงจากเว็บไซต์ Hague Conference On Private International Law – HCCH
เข้าถึงต้นฉบับข่าวได้ที่ https://www.hcch.net/en/news-archive/details/?varevent=793
หน้าแรก
|
เกี่ยวกับเรา
|
แนะนำอาเซียน
|
กิจกรรม
|
ข่าวสาร
|
ความตกลง
|
บทความ
|
งานวิจัย
|
กฎหมายน่ารู้
|
ติดต่อเรา
|
แผนผังเว็บไซต์
|
การค้นหาขั้นสูง
© 2017 Office of the Council of State.