BANNER

กัมพูชา: การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ต การขยายอำนาจการควบคุมภายใต้กฎหมายใหม่ ว่าด้วยอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติ


 ข่าวต่างประเทศ      18 Feb 2021

  


          กฎกระทรวงฉบับใหม่ว่าด้วยการจัดตั้งอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติ (National Internet Gateway) ของรัฐบาลกัมพูชาได้เพิ่มอำนาจรัฐในการสอดส่องดูแล ระงับ และควบคุมสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน หรือ ฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch) ชี้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิในการแสดงออกและละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน 
          เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๒๐๒๑ นาย Hun Sen นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ลงนามกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดตั้งอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติ ซึ่งได้กำหนดให้การรับส่งข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตทั้งหมดในประเทศต้องส่งผ่านหน่วยงานรัฐ โดยหน่วยงานดังกล่าวจะมีหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบกิจกรรมออนไลน์ก่อนที่จะส่งถึงผู้ใช้บริการ และอนุญาตให้มีการระงับและตัดสัญญาณการเชื่อมต่อที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประเทศ รายได้ กฎระเบียบทางสังคม ศีลธรรม วัฒนธรรมและประเพณี โดยเหตุผลในการดำเนินการดังกล่าวมีทั้งส่วนที่ได้กำหนดไว้อย่างกว้างและไม่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งอนุญาตหน่วยงานรัฐมีอำนาจปิดกั้นและตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เมื่อเห็นว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม
          ด้านนาย Phil Robertson รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียประจำฮิวแมนไรตส์วอตช์กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎกระทรวงดังกล่าว โดยเห็นว่านายกรัฐมนตรีใช้กฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับเสรีภาพในโลกออนไลน์และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในกัมพูชา โดยขยายอำนาจการควบคุมอินเทอร์เน็ตของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศ บริษัทเทคโนโลยี ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และตัวแสดงในภาคเอกชนอื่น ๆควรเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาทบทวนการรับรองกฎหมายที่อันตรายดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
          ทั้งนี้ กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดตั้งอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติกำหนดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศส่งข้อมูลบริการผ่านอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ของรัฐภายใน ๑๒ เดือน หรือก่อนเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๒๐๒๒ 
          
สำหรับความเป็นมาของกฎกระทรวงดังกล่าว รัฐมนตรีกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๒๐ ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศ บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และบริษัทด้านสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ตลอดจนกลุ่มสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตแสดงความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายทั้งด้านสิทธิมนุษยชนและเหตุผลด้านการพาณิชย์ แต่รัฐบาลเพิกเฉยต่อท่าทีดังกล่าว โดยได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างกฎหมายในประเด็นขั้นตอนการอุทธรณ์การลงโทษที่กำหนดภายใต้ระบบ แต่ไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระหรืออนุญาโตตุลาการแต่อย่างใด  
          
นอกจากนี้ เกตเวย์ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการใช้สิทธิเสรีภาพในการสื่อสารออนไลน์ (chilling effect) และสร้างการเซ็นเซอร์ตนเองท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และสื่อมวลชนอิสระที่เกรงกลัวต่อการล่วงละเมิดกฎหมายการลงโทษทางปกครองตามอำเภอใจ รวมทั้งการจับกุมและดำเนินคดี
          
การบังคับใช้กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดตั้งอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการคุ้มครองข้อมูลและการรักษาความลับของข้อมูล ซึ่งได้มีการกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศกัมพูชาที่จะให้ความคุ้มครองผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจากการใช้ข้อมูลในทางที่ผิดและรับรองความปลอดภัยของแหล่งจัดเก็บข้อมูลและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล รวมถึงผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูล โดยอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติจะอำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานรัฐสามารถที่จะระบุกิจกรรมอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้บริการและพฤติกรรมการใช้บริการ จึงเสี่ยงต่อการระบุตัวผู้ใช้บริการได้
          
สำหรับมาตรการในการเก็บรักษาข้อมูลโดยบุคคลที่สามในประเทศกัมพูชายังไม่เป็นไปตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลในเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัว มาตรการการเก็บรักษาข้อมูลที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้สัดส่วนมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิ และมักจะเกิดการหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการคุ้มครองข้อมูลตามขั้นตอนสำคัญ 
          นอกจากนี้ รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรตส์วอตช์ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยเห็นว่าอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ของกัมพูชาเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในจัดการกับการแสดงความคิดเห็นออนไลน์ ซึ่งการบังคับใช้กฎกระทรวงดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ เพราะภายหลังจากที่มีการปิดกั้นสื่อสำคัญทั่วประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลได้หันมาให้ความสนใจกับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ในช่วงเวลาที่กำลังจะมีการจัดการเลือกตั้งระดับชาติในปี ค.ศ. ๒๐๒๒  
           เนื้อหาของกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดตั้งอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติ มีการกำหนดบทลงโทษที่ไม่ได้สัดส่วนหรือเกินสมควรแก่เหตุ โดยให้อำนาจแก่หน่วยงานกำกับดูแลด้านโทรคมนาคมของกัมพูชาในการกำหนดบทลงโทษผู้ให้บริการเกตเวย์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด และมีอำนาจในการการดำเนินการใด ๆ ได้ตามที่เห็นว่าจำเป็น ซึ่งบทลงโทษดังกล่าวอาจเป็นการบังคับผู้ให้บริการเกตเวย์ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ แม้ว่าจะขัดต่อมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ  นอกจากนี้ กฎกระทรวงดังกล่าวไม่ได้จัดให้มีการกำกับดูแลอิสระ กระบวนการดำเนินงานที่เหมาะสมหรือมาตรการในการป้องกัน โดยปฏิเสธไม่ให้บุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบมีสิทธิอุทธรณ์คำตัดสินของรัฐบาล แม้ว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์ต่อกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมและการยื่นอุทธรณ์ทางศาลแต่ระบบการพิจารณาคดีของกัมพูชายังขาดความเป็นอิสระและไม่สามารถขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานอิสระหรือองค์กรตุลาการได้
          รัฐบาลกัมพูชาอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายอื่น ๆ ที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตและสิทธิในระบบดิจิทัล ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. ๒๐๒๐ ร่างกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์กลายเป็นที่กล่าวถึงในสังคม เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาที่ให้อำนาจทางกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในการสอดส่องผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตและจำกัดสิทธิความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการสื่อสารทางออนไลน์ รวมทั้งกระบวนการตรากฎหมายดังกล่าวปิดกั้นไม่ให้ภาคประชาสังคมและผู้มีส่วนได้เสียที่ได้รับผลกระทบมีส่วนร่วม แม้ร่างกฎหมายฉบับก่อนหน้าได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการจำกัดสิทธิความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการแสดงออก แต่ภายหลังได้มีการปรับปรุงเนื้อหาในส่วนดังกล่าวเล็กน้อย  นอกจากนี้ รัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบกฎหมายเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพอีกหลายฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายที่อนุญาตให้หน่วยงานรัฐสามารถควบคุมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
          กฎหมายว่าด้วยโทรคมนาคม ค.ศ. ๒๐๑๕ อนุญาตให้มีการตรวจสอบการสื่อสารผ่านโทรคมนาคม โดยไม่มีการกำกับดูแลจากองค์กรตุลาการ ในปี ค.ศ. ๒๐๑๘ รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศใช้นโยบายว่าด้วยการควบคุมเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เฝ้าระวัง เพื่อตรวจสอบเนื้อหาที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต โดยกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมมีอำนาจในการปิดกั้นและปิดเว็บเพจ รวมถึงหน้าสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมดที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายและถือเป็นการปลุกปั่นทำลายความเป็นเอกภาพ การเลือกปฏิบัติ และสร้างความไม่สงบ โดยมีเจตนานำไปสู่การบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ผลประโยชน์สาธารณะและระเบียบของสังคม ซึ่งกฎหมายดังกล่าวเป็นการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชาในฐานะภาคีสมาชิกของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและข้อมูล และสิทธิในความเป็นส่วนตัว
             นอกจากนี้ รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรตส์วอตช์ได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า กฎกระทรวงฉบับใหม่ว่าด้วยอินเทอร์เน็ตเกตเวย์แห่งชาติของกัมพูชาขยายอำนาจของรัฐบาลในการปิดกั้นเนื้อหาออนไลน์และการเรียกร้องอิสระ รวมถึงสื่อมวลชน ฝ่ายค้านทางการเมือง และกลุ่มประชาสังคมเพื่อจำกัดความเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศอีกด้วย


ข่าวเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔
สรุปความจาก https://www.hrw.org/news/2021/02/18/cambodia-internet-censorship-control-expanded

© 2017 Office of the Council of State.