BANNER

Google ถูกฟ้องคดีแข่งขันทางการค้าในสหรัฐอเมริกาข้อหาผูกขาดบริการค้นหาข้อมูล (Search)


 ข่าวต่างประเทศ      29 Oct 2020

  


รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ยื่นฟ้อง Google ข้อหาทำผิดตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า โดยการผูกขาดบริการค้นหาทางอินเตอร์เน็ตและการโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเป็นคดีที่ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่หน่วยงานของสหรัฐฯ เอาผิดกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในรอบหลายปี  โดย Google ต้องเผชิญกับการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวดเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปี เกี่ยวกับการประกอบกิจการของตนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทางฝั่งของ Google ระบุว่า คดีนี้มีจุดบกพร่องอย่างมาก (deeply flawed) เนื่องจากธุรกิจที่ Google ทำอยู่ยังคงมีการแข่งขันและในทางปฏิบัติบริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก และกล่าวว่า "ผู้คนใช้ Google เพราะพวกเขาเลือกที่จะใช้  ไม่ใช่เพราะถูกบังคับหรือไม่มีทางเลือกอื่น"
คดีดังกล่าวกระทรวงยุติธรรมสหรัฐและอีก ๑๑ รัฐ เป็นผู้ยื่นข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐบาลกลาง (federal court) โดยเน้นประเด็นที่ Google จ่ายเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปีเพื่อตกลงให้ Google ถูกติดตั้งเป็นเครื่องมือในการค้นหา (Search) บน browser และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าข้อตกลงเหล่านั้นทำให้ Google อยู่ในสถานะ gatekeeper หรือด่านหน้าของประตูข่าวสารบนอินเทอร์เน็ตที่ซึ่งสามารถเป็นเจ้าของหรือควบคุมช่องทางการจัดจำหน่ายได้ประมาณร้อยละ ๘๐ ของอัตราการค้นหาในสหรัฐฯ
การดำเนินการดังกล่าวของ Google เป็นการปิดกั้นการแข่งขันการบริการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต เนื่องจากเป็นการขัดขวางการบริการของคู่แข่งโดยทั่วไปทั้งในด้านขนาดตลาดและการจดจำสินค้าซึ่งผู้ให้บริการรายอื่นไม่สามารถสู้ Google ได้ในส่วนนี้
นอกจากนั้น Google ไม่เพียงแต่เป็นคำนามที่หมายถึงบริษัทและเครื่องมือการค้นหา แต่ยังเป็นคำกริยาที่หมายถึงการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตอีกด้วย
การฟ้องร้องคดีดังกล่าวระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อประชาชนโดยการทำลายคุณภาพการค้นหาในแง่ของความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูล ซึ่งเป็นการลดทางเลือกและขัดขวางนวัตกรรม
Sally Hubbard ผู้ทำงานให้กับสถาบัน Open Markets ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมอง (Think Tank) ในกรุงวอชิงตันได้ผลักดันให้มีการดำเนินการเชิงรุกกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่มากขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่ข้อตกลงการกระจายการค้นหาของ Google ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นทางกฎหมายในการฟ้องร้องบริษัท
กรณีนี้อาจเป็นกรณีแรกในสหรัฐฯ ที่ท้าทายการครอบงำของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และเรียกร้องการระงับการดำเนินการ ขณะที่รัฐอื่น ๆ อาจมีส่วนร่วมในการฟ้องร้องนี้ด้วย และนักการเมืองในสภาคองเกรสยังเรียกร้องให้ดำเนินการกับ Google และบริษัทเทคโนโลยีอื่น เช่น  Amazon, Facebook และ Apple
การตัดสินใจยื่นฟ้องเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้เกิดข้อครหาว่าการดำเนินการดังกล่าวของฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์เป็นไปเพียงเพื่อพิสูจน์ความจริงใจที่จะท้าทายอิทธิพลของภาคเอกชนหากได้รับวาระที่สอง ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าไม่มีการเร่งดำเนินคดีเพื่อให้แน่ใจว่ามีการยื่นฟ้องก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตจากผู้สนับสนุนหลายคนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการช้าเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขณะที่ Jeffrey Rosen รองอัยการสูงสุด (Deputy attorney general) กล่าวว่า การดำเนินคดีเป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างสมเหตุสมผล และหน่วยงานกำลังดำเนินการทบทวนแนวปฏิบัติด้านการแข่งขัรทางการค้าในภาคของเทคโนโลยี
ก่อนหน้านี้ Google ได้ถูกฟ้องร้องคดีที่คล้ายกันในสหภาพยุโรป โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้มีคำสั่งปรับ Google เป็นเงินจำนวน ๘.๒ พันล้านยูโร และ Google ได้เคยถูกสหภาพยุโรปสั่งปรับมาแล้ว ดังนี้
ในปี ๒๐๑๗ ค่าปรับ ๒.๔ พันล้านยูโร กรณีบริการการค้นหาสินค้า
ในปี ๒๐๑๘ ค่าปรับ ๔.๓ พันล้านยูโร กรณีผูกขาดในแพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ Android เพื่อประชาสัมพันธ์แอปของ Google
ในปี ๒๐๑๙ ค่าปรับ ๑.๕ พันล้านยูโร กรณีการบล็อกโฆษณาจากเครื่องมือการค้นหาของคู่แข่ง
การสู้คดีกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google เป็นหนึ่งในคดีการแข่งขันที่น่าติดตามมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ที่ผ่านมาหน่วยงานของยุโรปเป็นผู้นำในการดำเนินคดีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี แต่ความเคลื่อนไหวของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐในครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ ต่อจากนี้
สองทศวรรษที่ผ่านมา Google เป็นบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นประกอบกิจการอย่างไม่คงเส้นคงวา แต่ขณะนี้ได้กลายเป็นผู้ผูกขาดทางอินเทอร์เน็ต และถูกกล่าวหาว่าใช้กลยุทธ์ปิดกั้นคู่แข่ง แต่ Google มองว่าตนเป็นทางเลือกของผู้คนไม่ใช่การบังคับ.
ข่าว ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

ที่มาข่าวและภาพ https://www.bbc.com/news/business-54619148

 

© 2017 Office of the Council of State.