BANNER

การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ ๒๑


 ข่าวต่างประเทศ      17 Oct 2016

  


เช้าวันที่ ๑๔ ตุลาคม ได้มีการเปิดการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
อาเซียน-อียู หรือ AEMM ครั้งที่ ๒๑ อย่างเป็นทางการ ณ กรุงเทพ ภายใต้หัวข้อ “มุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์” โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายมีโรสลาฟ ไลชัก (Miroslav Lajčák) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปสาธาณรัฐสโลวัก ในฐานะประธานสหภาพยุโรป จะเป็นประธานร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ ๒๑ ที่กรุงเทพฯ
นายมิโรสลาฟ กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดการประชุม ว่า ในขณะนี้อียูอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ทั้งการถอนตัวออกจากอียูของประเทศอังกฤษ หรือ Brexit รวมไปถึงความพยายามสร้างข้อตกลงความร่วมมือทางกลาโหมภายในอียู โดยหวังว่า ทั้งอาเซียนและอียู จะมีการรวมกันเป็นปึกแผ่นภายในแต่ละภูมิภาคมากขึ้นเพื่อให้มีข้อตกลงระหว่างภูมิภาคอาเซียนกับอียูในอนาคต นอกจากนี้ ทั้งสองภูมิภาคควรมีความร่วมมือกันมากขึ้นทั้งในด้านภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว และด้านความมั่นคง เพื่อเชื่อมต่อพลเรือนระหว่างกันมากขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองภูมิภาคควรส่งเสริมธรรมาภิบาล สิทธิมนุษยชน และส่งเสริมการเคารพในความแตกต่าง ในฐานะที่เป็นองค์กรระดับภูมิภาคที่มีจุดแข็งอยู่ที่ความแตกต่างเช่นเดียวกัน เนื่องจากอาเซียนและสหภาพยุโรป (อียู) มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างกันในปี ๒๕๒๐ โดยการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรปเป็นเวทีระหว่างภูมิภาคที่จัดขึ้นเป็นประจำทุก ๒ ปี โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศจากประเทศสมาชิกอาเซียนและอียู เลขาธิการอาเซียน และผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของอียู และรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เข้าร่วม เพื่อหารือแนวทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์อาเซียน-อียู และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนจะหมุนเวียนกันเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียู ทุก ๆ ๓ ปีโดยประเทศไทยได้รับตำแหน่งประเทศผู้ประสานงานฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๘
การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรปครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียน-อียูในทุกมิติ เพื่อปูทางไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ตลอดจนวางแนวทางความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ และผู้แทนระดับสูงจากประเทศสมาชิกอาเซียนและสหภาพยุโรป ตลอดจนเลขาธิการอาเซียน และผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของอียู และรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป จะหารือกันในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจร่วมกันด้วย
อาเซียนและอียูเป็นหุ้นส่วนทางธรรมชาติ (natural partners) กล่าวคือ อาเซียนและอียูมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน ๒๒๗ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จำนวน ๑๙.๗ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี ๒๕๕๗ มีนักท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกอียูเข้ามาในอาเซียนถึง ๙.๓ ล้านคน นอกจากนี้ อียูเป็นคู่ค้าลำดับที่ ๓ ของอาเซียน เป็นผู้ลงทุนลำดับที่ ๑ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในอาเซียนจำนวนมากที่สุดเป็นลำดับที่ ๒ ของอาเซียน ทั้งสองภูมิภาคมีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะดำเนินนโยบายที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตลอดจนส่งเสริมธรรมาภิบาล สิทธิมนุษยชน และส่งเสริมการเคารพในความแตกต่าง ในฐานะที่เป็นองค์กรระดับภูมิภาคที่มีจุดแข็งอยู่ที่ความแตกต่างเช่นเดียวกัน
ประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีความสัมพันธ์กับภูมิภาคยุโรปมาอย่างยาวนาน และเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับอียูในปัจจุบัน ให้ความสำคัญต่อการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรปครั้งนี้เป็นอย่างมาก ตลอดจนให้ความสำคัญกับการสร้าง momentum ให้กับความร่วมมืออาเซียน-อียู เพื่อให้มุ่งไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-อียู ในปี ๒๕๖๐
การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ ๒๑ มุ่งให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุดจากการประชุมครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงคนพิการ ด้วยเหตุนี้ จึงจะมีการแปลพิธีเปิดการประชุมฯ เป็นภาษามือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ เอกสารผลลัพธ์การประชุมจะมีทั้งในรูปแบบอักษรเบรลล์และรูปแบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

© 2017 Office of the Council of State.