สหภาพยุโรปเผยว่าเส้นทางการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของจอร์เจียอาจต้องหยุดชะงักลง เพราะกฎหมายตัวแทนต่างชาติ
ข่าวต่างประเทศ
31 Aug 2024
ผู้นำสหภาพยุโรปกล่าวในการประชุมสุดยอดที่กรุง Brussels ว่าเส้นทางสู่การเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของจอร์เจียได้หยุดชะงักเพราะกฎหมายตัวแทนต่างชาติที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้ง เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวสะท้อนถึงความถดถอยในการเข้าร่วมการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป
โดยเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปได้ออกมาประณามกฎหมายตัวแทนต่างชาติฉบับใหม่ของจอร์เจียอย่างรุนแรง ซึ่งได้รับความเห็นชอบท่ามกลางเสียงประท้วงต่อต้านของประชาชนครั้งใหญ่ต่อรัฐบาลจอร์เจีย โดยกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้า ซึ่งผู้ต่อต้านได้ขนานนามกฎหมายนี้ว่าเป็น “กฎหมายของรัสเซีย” เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับกฎหมายที่มีอยู่ในรัสเซียที่ถูกนำมาใช้ปราบปรามฝ่ายต่อต้านและจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชน และเชื่อว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของร่างกฎหมายนี้คือ การปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เห็นด้วยก่อนการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗
สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือ การกำหนดให้องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรและสื่อมวลชนที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติเกินกว่าร้อยละ ๒๐ จะต้องลงทะเบียนเป็นตัวแทนต่างชาติ และยอมรับการตรวจสอบจากภาครัฐที่เข้มงวด มิฉะนั้นจะต้องถูกปรับเป็นเงินมหาศาล
ในด้านเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำจอร์เจีย Pawel Herczynski กล่าวว่า สถานการณ์ระหว่างจอร์เจียและสหภาพยุโรปในขณะนี้กำลังอยู่ในที่นั่งลำบาก เนื่องจากเขาเห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายตัวแทนต่างชาติ จะส่งผลให้การผนวกรวมของจอร์เจียเข้ากับสหภาพยุโรปหยุดชะงักลง
ก่อนหน้านี้ จอร์เจียเพิ่งได้รับสถานะเป็นประเทศผู้สมัครเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ หลังจากได้รับข้อกำหนดที่จำเป็นต้องทำเพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมด้วย
จากข้อโต้แย้งของสหภาพยุโรปดังกล่าว รัฐบาลจอร์เจียได้ให้การโต้แย้งว่ากฎหมายตัวแทนต่างชาติจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินที่ไหลเข้ามาเพื่อสนับสนุนองค์กรอิสระจะมีความโปร่งใส และปกป้องจอร์เจียจากการแทรกแซงจากต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหภาพยุโรปกล่าวว่าจะติดตามสถานการณ์ในจอร์เจียอย่างใกล้ชิดต่อไป และเรียกร้องให้รัฐบาลจอร์เจียตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นนั้นจะเป็นไปอย่างเสรีและยุติธรรม
ข่าวประจำวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.bbc.com/news/articles/cql82we090vo
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย