เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ประกาศนโยบายทดลองลดทอนความเป็นอาชญากรรมของการใช้ยาเสพติด ทุกชนิดเป็นเวลาสามปี เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ค.ศ. ๒๐๒๓

ข่าวต่างประเทศ 09 Feb 2023

ชาวแคนาดามีความภาคภูมิใจในความงดงามของประเทศ และความเอื้ออาทรของประชากร โดยเมืองแวนคูเวอร์ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความน่าอยู่ที่สุดในโลก

อย่างไรก็ดี ถนนอีสต์ ฮาสติงส์ (East Hastings Street) อาจมีภาพที่ไม่สวยงามนักจากเต็นท์ที่พักของกลุ่มคนไร้บ้านผู้ติดยาเสพติดบริเวณทางเดินใกล้ประตูทางเข้าออกของอาคารต่าง ๆ อย่างค่อนข้างถาวรโดยไม่ถูกดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ให้เคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ สินค้าที่อาจได้มาจากการลักทรัพย์ถูกนำมาวางขายบนทางเท้าเพื่อนำไปซื้อยาเสพติด ยาเสพติดที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้ เช่น เฮโรอีน แคร็กโคเคน คริสตัลเมธ และเฟนตา ซึ่งบางประเภทมีสารสังเคราะห์โอปิออยด์ที่ทำให้ผู้เสพถึงแก่ความตายได้ สารดังกล่าวรุนแรงกว่าเฮโรอีนถึงห้าสิบเท่าและคร่าชีวิตผู้เสพไปหลายพันรายในอเมริกาเหนือ

ในการขับรถเพื่อสังเกตุการณ์ไปบนถนนอีสต์ ฮาสติงส์ โดยมี ด็อกเตอร์ จูเลียน โซเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญปัญหายาเสพติด เป็นผู้นำทาง ได้รับคำยืนยันว่า ต่อให้เป็นผู้ที่ต้องการช่วยเหลือกลุ่มคนดังกล่าวให้เลิกเสพยาเสพติด แต่ก็ไม่ปลอดภัยหากจะลงไปเดินบนถนนดังกล่าวแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวันก็ตาม การทำร้ายผู้สัญจรไปมาโดยผู้ใช้ยาเสพติดเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง แม้แต่เจ้าหน้าที่รถพยาบาลก็ยังต้องได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ ด็อกเตอร์ โซเมอร์ และผู้เชี่ยวชาญคนอื่น เห็นพ้องกันว่าวิกฤตการณ์นี้กำลังจะเลวร้ายลง โดยเฉพาะเมื่อนักการเมืองไม่ได้รับคำแนะนำไปในทางที่ถูกต้อง

ในบางรัฐ เช่น บริทิชโคลัมเบียรวมถึงเมืองแวนคูเวอร์ ได้เริ่มทดลองเป็นระยะเวลาสามปี ในการลดทอนความเป็นอาชญากรรมของยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ถือเป็นแนวคิดสุดขอบที่ไม่มีที่ใดกระทำมาก่อน นโยบายนี้มีผลใช้บังคับเมื่อวันอังคาร ที่ ๒๔ มกราคม ค.ศ. ๒๐๒๓ ซึ่งเป็นเวลาไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลกลางของแคนาดาแนะนำให้ประชาชนบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกินสองครั้งต่อสัปดาห์ ภายใต้แนวทางการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้มงวดในภาคตะวันตกของแคนาดา

ในบริทิช โคลัมเบีย โดยเฉพาะเมืองแวนคูเวอร์ ถือเป็นศูนย์กลางของชาวแคนาดาที่มีแนวคิดแบบเสรีนิยม ชาวเมืองได้เลือกรัฐบาลประจำเมืองที่มีความเชื่อว่าสังคมไม่ควรมีค่านิยมที่ไปตัดสินผู้ติดยาเสพติดในเชิงลบมากเกินไป

การลดทอนความเป็นอาชญากรรม (decriminalisation) จะลบล้างความน่าอับอายในการใช้ยาเสพติด โดยนโยบายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างรวดเร็วจากพรรคเสรีนิยมแห่งชาติ นำโดย จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา

บุคลากรในภาคสาธารณสุขเห็นว่านโยบายดังกล่าวของรัฐบาลส่งผลดีต่อการแก้ปัญหายาเสพติด ทำให้จำนวนผู้ใช้ยาเกินขนาดจนเสียชีวิตลดลง และผู้ใช้ยาเสพติดสามารถเข้าถึงเวชภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัทยาได้อย่างปลอดภัย

ในปี ค.ศ. ๒๐๑๖ ผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดเกินขนาดในรัฐบริทิช โคลัมเบีย สูงถึงประมาณ ๑๔,๐๐๐ คน ทำให้ต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขในปีดังกล่าว

นโยบายการลดทอนความเป็นอาชญากรรมไม่เพียงนำมาปรับใช้กับผู้ติดยาเสพติดอย่างหนักเท่านั้น แต่ยังใช้กับวัยรุ่นอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปี ที่ใช้ยาเสพติดอย่างหนัก รวมถึงบุคคลที่ได้เคยกระทำผิดกฎหมายและถูกห้ามใช้ยาเสพติดมาก่อนด้วย นโยบายนี้ทำให้บุคคลเหล่านี้สามารถที่จะฉีด สูบ ดม หรือกลืน ที่ใดก็ได้ตามต้องการ ตราบใดที่ยาเสพติดที่พวกเขาครอบครองไม่มากไปกว่า ๒.๕ กรัม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มีอำนาจที่จะหยุดการกระทำของพวกเขาได้ตามกฎหมาย

ในอีกด้านหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากนโยบายดังกล่าวก็คือบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่สามารถสร้างรายได้หลายพันล้านในการให้ผู้ติดยาเสพติดเข้าถึงเวชภัณฑ์ที่บริษัทได้ผลิตอย่างปลอดภัย

รายงานของแสตนฟอร์ด-แลนเซต (Stanford-Lancet) คณะกรรมการด้านวิชาการเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดกล่าวถึงภาวะวิกฤติของการใช้สารโอปิออยด์ในยาเสพติดที่ทำให้ผู้เสพเป็นอันตรายถึงชีวิตในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รายงานดังกล่าวได้ออกคำเตือนถึงการใช้อิทธิพลของบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองและการตัดสินใจกำหนดนโยบายเรื่องยาเสพติด

ปิแอร์ พอยลิเยฟร์ ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยม คาดว่านโยบายในเรื่องนี้ของนายกรัฐมนตรีทรูโด จะทำให้มีการใช้ยาเสพติดเกินขนาด และอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะที่พรรคฝ่ายค้านของเขาต้องการทำสงครามมากกว่าสนับสนุนให้ใช้ยาเสพติด

ข่าวประจำวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๖

เรียบเรียงจาก https://www.dailymail.co.uk/news/article-11685535/On-Tuesday-Canadian-city-decriminalise-HEROIN-CRACK.html

*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย