ศาลญี่ปุ่น (Tokyo District Court) มีคำสั่งให้ผู้ตัดต่อและอัปโหลดภาพยนตร์แบบ fast movie ลงช่อง Youtube ของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ชดใช้ค่าเสียหายห้าร้อยล้านเยน
ในส่วนของคดีอาญาที่มีการฟ้องคดีที่ Sendai District Court นั้น มีผู้กระทำความผิดสามคนประกอบด้วยชายสองคนและหญิงหนึ่งคน ซึ่งโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ค.ศ. ๒๐๒๑ ข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดฐานละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ภายใต้ Japanese Copy Right Act โดยตัดต่อและอัปโหลดfast movie ลงช่อง Youtube ของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ทางอัยการได้ขอให้ศาลลงโทษทางอาญาให้จำคุกและปรับแก่จำเลยทั้งสาม ซึ่งต่อมาทาง Sendai District Court ได้มีคำพากษาตัดสินในปี ค.ศ. ๒๐๒๑ ว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์และตัดสินให้ลงโทษจำคุก โดยรอการลงอาญาแก่จำเลยทั้งสามคน ซึ่งเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่ศาลมีการตัดสินลงโทษ
ในการกระทำความผิดทางอาญาแก่ผู้ที่ตัดต่อและอัปโหลด fast movie ลงช่อง Youtube ของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
ในส่วนของคดีแพ่งที่มีการเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายที่ Tokyo District Court นั้น ฝ่ายโจทก์ประกอบด้วยบริษัทค่ายภาพยนตร์หลักและสถานีโทรทัศน์รวมทั้งสิ้น ๑๓ บริษัท เช่น Toho, Toei และ Nippon Television Network เป็นต้น ทนายความโจทก์คือนาย Hiroyuki Nakajima ได้ฟ้องจำเลยผู้กระทำความผิดทั้งสามคน โดยกล่าวว่าจำเลยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการกระทำที่ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ในกรณีดังกล่าวเกิดเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต และยังกล่าวอีกว่าถือเป็นคดีแพ่งคดีแรกที่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในกรณี fast movie โดยโจทก์ได้ดำเนินการฟ้องคดีโดยกล่าวหาว่าจำเลยได้นำภาพยนตร์ของตนที่ตัดต่อในรูปแบบความยาว ๑๐ นาที มาอัปโหลดลงช่อง Youtube ของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เมื่อช่วงต้นปี ถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. ๒๐๒๐
โจทก์ได้กล่าวหาว่ามีภาพยนตร์ถึง ๕๔ เรื่อง เช่น Shin Godzilla, ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ เรื่อง Departures และภาพยนตร์แนวสยองขวัญ เรื่อง Cold Fish ที่ได้ถูกจำเลยนำมาตัดต่อ และอัปโหลดลงช่อง Youtube ของตน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งทางโจทก์กล่าวอ้างว่าค่าเสียหายที่จำเลย ต้องชดใช้แก่โจทก์นั้นคิดคำนวณจากราคาที่ผู้ชมภาพยนตร์ต้องจ่ายเงินคือสองร้อยเยนเพื่อดูภาพยนตร์ต้นฉบับ ต่อครั้งภายใต้กฎหมาย Japanese Copy Right Act และได้นำจำนวนเงินดังกล่าวมาคิดคำนวณเป็นค่าเสียหายสองร้อยเยนต่อยอดการดูหนึ่งครั้งบนช่อง Youtube ของจำเลย เพราะในส่วนนี้ทำให้โจทก์ขาดรายได้จากภาพยนตร์ต้นฉบับ ซึ่งยอดการดูทั้งหมดจากภาพยนตร์ fast movie ที่จำเลยตัดต่อมาถึง ๕๔ เรื่อง
มีถึงสิบล้านครั้ง จึงอาจคิดคำนวณเป็นค่าเสียหายรวมได้ประมาณสองพันล้านเยน
ซึ่งนาย Sugiura Masaki ผู้พิพากษาของ Tokyo District Court เห็นด้วยกับค่าเสียหายที่โจทก์ได้กล่าวอ้างว่ารวมแล้วอาจสูงถึงประมาณ สองพันล้านเยน อย่างไรก็ดี โจทก์ได้ตกลงกันร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเพียงห้าร้อยล้านเยน
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ค.ศ. ๒๐๒๒ ทาง Tokyo District Court จึงได้มีคำสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินห้าร้อยล้านเยนตามที่โจทก์ได้ร้องขอจากการที่จำเลยได้ทำการตัดต่อภาพยนตร์จากต้นฉบับให้เป็นแบบ
fast movie และอัปโหลดลงช่อง Youtube ของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เหล่านั้น