BANNER

เปิดนโยบาย “สี จิ้นผิง” สำหรับประเทศจีนในอีก ๕ ปีข้างหน้า คาดได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ ๓ ด้วยการสนับสนุนท่วมท้น


 ข่าวต่างประเทศ      21 Oct 2022

  


การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ ๒๐ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๕
ณ กรุงปักกิ่ง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในวัย ๖๙ ปี ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลาม จนหลายสื่อคาดการณ์ว่าประธานาธิบดี สีจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศต่อเป็นสมัยที่ ๓ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของการประชุม สัญญาณต่างๆ ยิ่งตอกย้ำว่าประธานาธิบดี สี นั้น เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของจีน นับแต่สมัยของเหมา เจ๋อต๋ง การประชุมใหญ่นี้มีตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนประมาณ ๒,๓๐๐ คนจากทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ทางฝั่งตะวันตกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ประธานาธิบดี สี ได้กล่าวให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงการเตรียมความพร้อม เพื่อรับมืออุปสรรคหรือวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่เสมอ แม้ในยามที่ปกติสุขก็ตาม โดยมีการเรียกร้องให้เสริมสร้างความมั่นคงทั้งในด้านอาหาร ด้านพลังงาน และการรับมือจัดการกับภัยพิบัติ รวมถึงด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ เสียงปรบมือตอบรับที่ดังกึกก้องเกิดขึ้น เมื่อประธานาธิบดี สี ได้กล่าวถึงประเด็นความขัดแย้งทางเอกราชระหว่างจีนกับไต้หวัน ซึ่งในช่วงของทศวรรษนี้ เห็นได้ว่าประธานาธิบดี สี ได้กำหนดแนวทางให้สาธารณรัฐประชาชนจีนมีความเป็นเผด็จการเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ กับเรื่องความมั่นคง การควบคุมเศรษฐกิจของรัฐบาล นโยบายทางการทูตในเชิงรุก และการเสริมสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง รวมถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อไต้หวันที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย

การกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี สี ครั้งนี้สามารถสรุปเป็น ๕ ประเด็นหลักที่รัฐบาลจีนจะขับเคลื่อนต่อไปในอีก ๕ ปีข้างหน้า ได้ดังต่อไปนี้
ประเด็นแรก คือประเด็นความขัดแย้งกับไต้หวันที่แม้จะย้ำว่าการรวมชาติจะต้องเป็นไปอย่างสันติ แต่ก็มีการเตือนว่าจีนพร้อมจะใช้กำลังหากมีความจำเป็น
โดยนักวิเคราะห์มองว่า  การประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดี สี ได้พูดถึงไต้หวันเร็วกว่าการประชุมครั้งก่อน แสดงให้เห็นถึงการให้น้ำหนักประเด็นนี้เพิ่มขึ้น และมีการส่งสัญญาณเตือนว่าชาติอื่นต้องไม่เข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ส่วนการรวมชาติจะเกิดขึ้นเมื่อใด รัฐบาลจีนจะเป็นผู้กำหนดด้วยตนเอง 

ประเด็นต่อมาเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่การปราศรัยของ ประธานาธิบดี สี  เน้นไปที่ความเหลื่อมล้ำ  การกระจายรายได้และการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม รวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสำคัญๆ เพื่อให้จีนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในเรื่องนี้ หลังจากตลอดหลายปีทีผ่านมาสหรัฐฯ ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรและสร้างข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนแล้ว
อย่างไรก็ตาม นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero Covid ที่จำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศและการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ จะยังคงบังคับใช้ต่อไป
ประเด็นที่ ๓ คือการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งประธานาธิบดี สี เปรียบเทียบว่าเป็นมะเร็งร้ายที่ทำลายพลังและประสิทธิภาพของพรรคคอมมิวนิสต์ ดังนั้น หากยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อการทุจริต การปราบปรามจึงยังต้องดำเนินต่อไป
ประเด็นที่ ๔ คือ นโยบายต่างประเทศ แม้สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศจะตกอยู่ในความตึงเครียดจากสงครามระหว่างรัสเซีย และ ยูเครน  แต่ประธานาธิบดี สี ได้ชื่นชมบทบาทและการเป็นที่ยอมรับของจีนบนเวทีโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  รวมถึงการรับมือความเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ในภูมิทัศน์การเมืองโลก ซึ่งจีนมีความมุ่งมั่นในเชิงยุทธศาสตร์ไม่เปลี่ยนแปลง
และประเด็นสุดท้าย  คือการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยประธานาธิบดี สี ประกาศว่าการวางแผนพัฒนาจำเป็นต้องรักษาสมดุลที่ดีระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ซึ่งผู้นำจีนระบุว่ารัฐบาลจะส่งเสริมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ การรักษาความหลากหลายในระบบนิเวศและการส่งเสริมการใช้ถ่านหินที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ
สำหรับการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ผ่านมา คาดว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ ๓  และจะประกาศคณะกรรมการถาวรของกรมการเมืองชุดใหม่ที่ประกอบด้วยสมาชิก ๗ คน ในจำนวนนี้ จะมีคนที่มาแทนที่นายหลี่ เค่อเฉียง ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่จะลงจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมปีหน้า หลังจากดำรงตำแหน่งมาครบ ๒ วาระแล้ว

ข่าวประจำวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.reuters.com/world/china/chinas-xi-open-20th-communist-party-congress-2022-10-15/
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/182664
*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย


 

© 2017 Office of the Council of State.