นาย Khairy Jamaluddin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬา ให้สัมภาษณ์ว่า ๑๐ ประเทศสมาชิกอาเซียนยึดหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิก แต่จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดกับชาวมุสลิมโรฮีนจาหลักการดังกล่าวควรไม่ใช้บังคับ
กองทัพเมียนมาได้ออกปฏิบัติการกวาดล้างชาวมุสลิมโรฮีนจาที่อาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันตกของรัฐยะไข่ (Rakhine State) ทำให้ชาวมุสลิมโรฮีนจาต้องหนีภัยเข้าไปในบริเวณชายแดนประเทศบังคลาเทศรัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนและกีฬากล่าวในงานประชุมพรรค United Malays National Organisation[๑] “ถึงอาเซียน พวกเราเรียกร้องให้ทบทวนสถานะสมาชิกอาเซียนของเมียนมา หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิกไม่ใช้บังคับเมื่อมีเหตุการณ์กวาดล้างชนกลุ่มน้อยเกิดขึ้นในประเทศสมาชิกอาเซียน” หลังจากที่รัฐมนตรีกล่าวเสร็จสิ้นได้มีการเปิดวีดีทัศน์ภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นและกล่าวปิดท้ายว่า “พวกเรามาสวดภาวนาต่อพระเจ้าให้ปกป้องชาวมุสลิมโรฮีนจาจากความอยุติธรรมและการทำลายล้าง”
อย่างไรก็ตาม ทางด้านของประเทศเมียนมาได้ปฏิเสธการใช้ความรุนแรงต่อชาวโรฮีนจาโดยให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการติดตามผู้ก่อการร้ายก่อจลาจลที่สถานีตำรวจในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีมาเลเซียได้ออกแถลงการณ์ประณามเมียนมาจากเหตุการณ์ความรุนแรงและวิจารณ์ท่าทีประเทศสมาชิกอาเซียนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะร่วมเดินขบวนประท้วงต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา
© 2017 Office of the Council of State.