BANNER

ประเทศไทยกอบโกยรางวัลผู้นำประหยัดพลังงานอาเซียน


 ข่าวต่างประเทศ      03 Oct 2017

  




ภาพจาก nationmultimedia
 
ในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 35 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ได้มีการประกาศรางวัล ASEAN Energy Awards 2017 จำนวน ๘๐ รางวัล โดยประเทศไทยได้รับรางวัลรวม ๒๕ รางวัล จึงทำให้ประเทศไทยยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอาเซียนในด้านเชื้อเพลิงสะอาดและพลังงานทดแทน ในการนี้ได้มีบริษัทที่ร่วมฉลองชัยชนะของประเทศไทย ได้แก่ โตโยต้าประเทศไทย, บริษัท ข้าว ซี. พี. จำกัด , เซ็นทรัลพัฒนา, สยามพิวรรธน์, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.)

พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า “ความสำเร็จที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ คือการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย มาเลเซีย และ ลาว” ซึ่งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้กำหนดให้ประเทศลาวขายไฟฟ้าพลังงานสะอาด ๑๐๐ เมกะวัตต์ให้แก่มาเลเซียได้ โดยขนส่งผ่านประเทศไทยผ่านเส้นทางที่มีอยู่ในปัจจุบันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ สนธิสัญญาข้ามพรมแดนลาว-ไทย-มาเลเซียเกิดขึ้น ๔ ปีหลังจากที่สิงคโปร์เสนอแผนซื้อไฟฟ้า ๑๐๐

เมกะวัตต์จากลาวซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดและสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในราคาที่ต่ำที่สุด เพราะประเทศมีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำพลังงานของประเทศลาว และการผลิตพลังงานนั้นเกือบทั้งหมดของประเทศลาว มีกำลังการผลิตมาจากเขื่อนของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศไทยสร้างเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว

พลเอก อนันตพรยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ประเทศไทยจะสามารถบรรลุแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียนได้ไม่ยาก แผนดังกล่าวกำหนดให้ประเทศอาเซียนต้องมีพลังงานทดแทนในสัดส่วนร้อยละ ๒๐ ของพลังงานทั้งหมด ตัวอย่างพลังงานทดแทนในที่นี้ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และแหล่งพลังงานสะอาดอื่น ๆ โดยในขณะนี้ ประเทศไทยมีพลังงานทดแทนในอัตราร้อยละ ๑๔ ของพลังงานทั้งหมด” ในขณะที่ประเทศอาเซียนอื่น ๆ มีพลังงานทดแทนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๑๓ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม คนไทยก็ยังมีความจำเป็นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลต่อคนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าประเทศไทยได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ๙๐๐,๐๐๐ บาร์เรลต่อวัน ซึ่ง ๑ ใน ๔ ของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นเกิดจากปัญหาการจราจรที่ติดขัดของประเทศไทยนั่นเอง

ในขณะที่ประเทศเวียดนามมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพียง ๔๗๐,๐๐๐ บาร์เรลต่อวันเท่านั้น และประเทศฟิลิปปินส์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพียง ๓๙๐,๐๐๐ บาร์เรลต่อวัน ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองประเทศดังกล่าวมีประชากรประมาณ ๑๐๐ ล้านคนซึ่งถือว่ามากกว่าจำนวนประชากรของประเทศไทยที่มีเพียงแค่ ๖๕ ล้านคนเท่านั้น

แปลและเรียบเรียงจาก: http://www.nationmultimedia.com/detail/Economy/30328285

© 2017 Office of the Council of State.