BANNER

แจ็ค หม่ากับภัยอันน่าสะพรึงกลัวต่อธนาคารในเอเชียอาคเนย์


 ข่าวต่างประเทศ      29 Jun 2017

  



ภาพจาก bloomberg
 
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา บริษัท DBS Group Holdings จำกัด ได้ส่งพนักงานพาร์ทไทม์จำนวน ๑,๐๐๐ คน ไปยังศูนย์อาหารที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์เพื่อชักชวนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าให้ใช้บริการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลของธนาคารที่ชื่อว่า PayLah

Erica Chiang อายุ ๑๙ ปี พนักงานของ DBS ที่ได้รับลงทะเบียนร้านอาหาร ๕๐ ร้านในช่วง ๗ สัปดาห์ ได้กล่าวว่า “ผู้ขายอาหารรู้สึกสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ แต่มีความกังวลว่า PayLah อาจจะให้บริการที่ไม่รวดเร็วพอในช่วงเวลาที่มีลูกค้าเข้าคิวรอเป็นเวลานาน เพราะผู้ขายต้องการความเร็วในการขายอาหาร” โดยนาย Chiang นั้นเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันแนวหน้าของการใช้บริการของธนาคารพาณิชย์ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปัจจุบัน เขากำลังมีความพยายามในการขัดขวางการเติบโตของบริษัท Alibaba Group Holding จำกัด ของแจ็ค  หม่า และระบบการจ่ายเงินของบริษัทฯ ที่มีชื่อว่า Ant Financial ที่ตั้งเป้าในการเติบโตในตลาดภูมิภาคนี้

แม้ตลาดการชำระเงินจะมีแข่งขันที่ดุเดือด ธนาคารพาณิชย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังคงได้ส่วนแบ่งในตลาดเป็นเวลานานซึ่งคู่ค้าของพวกเขาในประเทศจีนยกตลาดการชำระเงินขนาดใหญ่ของประเทศให้แก่บริษัท Ant Financial และบริษัท Tencent Holdings จำกัด แต่สิ่งนั้นกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อแจ็ค  หม่าได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาคเพื่อดึงกลุ่มคนที่ไม่สามารถขอกู้เงินในธนาคารได้เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านต่าง ๆ ให้มาเป็นลูกค้าหลักของบริษัทของแจ็คได้

นอกจากนี้ นาย Sandeep Lal หัวหน้าฝ่ายการธนาคารระบบดิจิตอลของ DBS มองว่า “ควรให้ความสำคัญกับบริษัทผู้นำทางเทคโนโลยี หรือ Big Techs กับแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ให้มากขึ้น”

ความช่วยเหลือจากรัฐบาล
เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ รัฐบาลสิงคโปร์เสนอข้อบังคับใหม่เพื่อให้ธนาคารต่าง ๆสามารถลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่การเงิน ซึ่งรวมถึง e-commerce และแพลตฟอร์มการชำระเงินแบบดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ในการประกาศการเคลื่อนไหวดังกล่าว นาย Heng Swee Keat รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสิงคโปร์ได้อ้างถึงเรื่อง “การแข่งขันจากผู้ให้บริการออนไลน์และผู้ให้บริการที่ไม่ใช่การเงินที่มีเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน”

จากรายงานของบริษัทผู้ให้บริการด้านข้อมูล Statista ได้รายงานว่า การชำระเงินแบบดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้ ๖๓๐ ล้านคน และอาจมียอดรวมการใช้จ่ายถึง ๖๒.๓ พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ นาย James Lloyd ผู้เชี่ยวชาญด้าน fintech ซึ่งที่ปรึกษาบริษัท EY ฮ่องกงกล่าวว่า “การเปลี่ยนไปใช้การให้บริการในรูปแบบดิจิทัลจะสร้างแรงกดดันต่อแหล่งสร้างกำไรอื่น ๆของธุรกิจธนาคาร เช่น การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนที่ธนาคารพาณิชย์จะไม่สามารถทำกำไรได้เท่าเดิมในตลาดนี้เป็นเวลา ๕ ปี"
 

ภาพจาก bloomberg
 
สำหรับประเทศจีนแล้วนั้นก็ได้มีจุดยืนในฐานะผู้เตือนภัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ให้บริการอย่าง Alipay และ Tencent ได้ส่วนแบ่งในตลาดการชำระเงินมือถือของจีนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ ๙๐ ของตลาดการชำระเงินมือถือโดยมีมูลค่ารวมกว่า ๕.๕ ล้านล้านเหรียญภายในเวลาเพียง ๔ ปีเท่านั้น

นอกจากนี้ บริษัท Ant Financial ก็ได้เข้ามามีหุ้นส่วนในบริษัทในไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เพื่อเสนอการให้บริการด้านการเงินในลักษณะของ การให้กู้ยืมเงิน และการโอนเงิน เช่น การร่วมหุ้นกับบริษัท Ascend Money ของประเทศไทย โดยบริษัท Ascend Money ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจค้าปลีกและโทรคมนาคมของกรุงเทพฯ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ ​​7-Eleven ในประเทศไทยซึ่งมีสาขาเกือบ ๑๐,๐๐๐ สาขาทั่วประเทศ และคนไทยสามารถลงทะเบียนใช้บริการ Ascend Money หรือที่รู้จักกันในนาม TrueMoney ในร้าน 7-Eleven และใช้เพื่อชำระค่าสินค้าออนไลน์หรือร้านค้าต่าง ๆ แม้ว่าจะไม่มีบัญชีธนาคารก็ตาม และผู้ใช้บริการสามารถเติมเงินเข้าบัญชีทรูมันนี่ได้ในร้าน 7-Eleven ด้วยเงินสดอีกด้วยสิ่งที่น่าสนใจคือเครือข่าย 7-Eleven นั้น สามารถเติบโตกว่าธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีสาขาประมาณ 1,200 สาขาทั่วประเทศ และปัจจุบันมีผู้ใช้บริการของบริษัท Ascend มากกว่า 20 ล้านคนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย

สองขั้นตอน

นาย Doug Feagin อดีตหุ้นส่วนของบริษัท Goldman Sachs Group ซึ่งดูแลการดำเนินงานในต่างประเทศของบริษัท Ant Financial กล่าวว่า "เราเริ่มต้นด้วยการให้บริการลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เช่นเดียวกับที่เราทำในประเทศจีน จากนั้นเราจะขยายฐานลูกค้าไปยังฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น"

นายแจ็ค หม่าได้เชื่อมโยงเครือข่าย e-commerce และการชำระเงินในสิงคโปร์ผ่านทาง Alibaba และ Ant Financial และเข้าซื้อกิจการของ Lazada Group สิงคโปร์ Redmart (ผู้ค้าปลีกออนไลน์) และ HelloPay ซึ่งเป็นบริการชำระเงินผ่านมือถือและได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Alipay ในปัจจุบัน Lazada ดำเนินธุรกิจด้าน e-commerce การชำระเงิน การขนส่ง และการจัดเก็บสินค้า นายแจ็ค หม่ากล่าวว่า Alibaba จะลงทุนอีก ๑ พันล้านดอลลาร์ในบริษัทเพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในถึงร้อยละ ๘๓

บริษัท DBS พยายามขจัดอุปสรรคโดยร่วมมือกับธุรกิจดั้งเดิมที่มีเงินสดจำนวนมาก (cash-heavy business) ธนาคารกำลังทำงานร่วมกับบริษัท ComfortDelGro ซึ่งเป็นบริษัทรถแท็กซี่รายใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์เพื่อจัดหารถแท็กซี่จำนวน ๑๖,๓๐๐ คันพร้อมอาคารผู้โดยสารที่สามารถชำระเงินผ่าน PayLah ภายในไตรมาสที่สาม

เรียบเรียงจาก https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-06-29/jack-ma-s-shadow-looms-large-for-banks-across-southeast-asia
 

© 2017 Office of the Council of State.