BANNER

ฟิลิปปินส์และจีนมีท่าทีเป็นมิตรขึ้นต่อกรณีพิพาททะเลจีนใต้


 ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน      15 Nov 2016

  


มะนิลา – ฟิลิปปินส์และจีนได้ข้อยุติอันเป็นที่น่าพอใจ จากกรณีมีข้อพิพาทเหนือทะเลจีนใต้ระหว่างกัน โดยจีนยินยอมให้ชาวประมงฟิลิปปินส์เข้าไปในอาณาเขตหมู่เกาะพิพาททะเลจีนใต้และสามารถจับสัตว์น้ำได้ตามปรกติ หลังจากที่เกาะดังกล่าวถูกยึดโดยประเทศจีนมาตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
นายเฮอร์โมเจน์ เอสเปอร์สัน ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กล่าวว่า ประธานาธิบดีดูเตอร์เตแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ได้หารือร่วมกับประธานาธบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อครั้งที่ได้ไปเยือนปักกิ่งในฐานะอาคันตุกะของประเทศ โดยผลจากการหารือร่วมกันดังกล่าว ทำให้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชาวประมงชาวฟิลิปปินส์สามารถเข้าไปทำประมงที่หมู่เกาะสการ์โบโรห์ ทะเลจีนใต้ได้ โดยที่รัฐบาลจีนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และแม้จะไม่มีสนธิสัญญาอย่างเป็นทางการ แต่ประธานาธิบดีของเราเชื่อว่าชาวประมงชาวฟิลิปปินส์จะไม่ประสบปัญหาใดๆในการเข้าไปในอาณาเขตของเกาะสกาโบโรห์อย่างแน่นอน นายเอสเปอร์สันรายงานต่อนักข่าว
หน่วยป้องกันชายฝั่งของจีนยังคงลาดตระเวนอยู่ที่ภายในบริเวณดังกล่าว แต่กองทัพเรือได้ถอนกำลังออกไปแล้ว และ ณ เวลานี้ ชาวประมงจะไม่ถูกขับไล่อีกต่อไป เราสามารถพูดได้ว่าจีนและฟิลิปปินส์เป็นมิตรซึ่งกันและกัน
ในขณะเดียวกัน นาง หัว ชุนหยิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้เปิดเผยว่า “รัฐบาลจีนมีมีเขตอำนาจเหนือหมู่เกาะหวงหนานมาโดยตลอด (Huangyan – สกาโบโรห์) และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนถึงบัดนี้“
 “ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภายใต้สถานการณ์ดังนี้ จีนได้เตรียมการที่จะเข้าทำหารือในประเด็นนี้กับประธานาธิบดีดูเตอร์เตเรียบร้อยแล้ว”
จีนได้ยึดครองหมู่เกาะสกาโบโรห์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกจากเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ไป 230 กิโลเมตร (140 ไมล์) ในปี 2012 และได้ขับไล่ชาวประมงชาวฟิลิปปินส์ที่เดินเรือผ่านน่านน้ำของเกาะ โดยบางครั้งใช้ปืนใหญ่กระสุนน้ำในการขับไล่
แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวประมงฟิลิปปินส์สามารถเข้าไปทำประมงในน่านน้ำที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ได้อีกครั้ง
นายเอสเปอร์สันเน้นย้ำว่าในขณะนี้ทั้งสองประเทศไม่มีฝ่ายใดสละสิทธิเรียกร้องเหนือเกาะพิพาท ในขณะที่จีนยังคงยืนยันว่าเกาะดังกล่าวนี้เป็นของจีนโดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยัน
จีนกล่าวอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ แม้ว่าจะมีหลายประเทศได้เรียกร้องร่วมกันอยู่ก็ตาม เช่น ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย ไต้หวัน และเวียดนาม
นายเอสเปอร์สันกล่าวว่าฝ่ายฟิลิปปินส์เองก็มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันสิทธิเหนือเกาะพิพาท อีกทั้งอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศยังมีคำตัดสินออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคมว่าหลักฐานที่จีนกล่าวอ้างนั้นไม่มีมูลเหตุทางกฎหมาย
เขายังกล่าวต่อไปว่าประธานาธิบดีของสองประเทศตัดสินใจที่จะก้าวข้ามข้อบาดหมางดังกล่าวและรื้อฟื้นความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
 “ทั้งสองประเทศยังไม่มีการพูดถึงเรื่องสิทธิเหนืออาณาเขต หรือยืนยันสิทธิใด ๆ ต่อกันอีก แต่จีนยังคงเคารพสิทธิดั้งเดิมที่จีนมี” นายเอสเปอร์สันเสริม
ซึ่งนายเบนิงโก เอควิโน อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เป็นผู้นำข้อพิพาทดังกล่าวขึ้นสู่อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลทำให้ฟิลิปปินส์ในขณะนั้นมีชัยชนะเหนือจีนในขณะนั้น แต่มันจะเป็นชัยชนะที่แท้จริงหรือไม่? เมื่อมันกลับทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศถดถอยลง
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีดูเตอร์เตกล่าวว่าเขาจะไม่พยายามผลักดันประเด็นนี้ แต่เลือกที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ และพัฒนาการลงทุนจากจีนมากขึ้นไปอีก
ปัญหาเช่นนี้เป็นปัญหาที่ไม่มีทางแก้ ฉะนั้นแล้วแทนที่จะตั้งตนเป็นศัตรู เราเลือกที่จะหันหน้ามาให้ความช่วยเหลือกัน และพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจระหว่างกันจะดีกว่า
 “นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีสำหรับสองประเทศ แต่อย่างไรเสียเราทั้งสองก็ยืนยันที่จะไม่ละทิ้งสิทธิเรียกร้องของเรา”
 

© 2017 Office of the Council of State.