BANNER

ศาลสูงสุดแห่งประเทศเกาหลีใต้กล่าวว่ากฎหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นไม่ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน


 ข่าวต่างประเทศ      05 Sep 2024

  


    เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗ ศาลสูงสุดแห่งประเทศเกาหลีใต้กล่าวว่า กฎหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate change law) ไม่ปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและปราศจากเป้าหมายต่อการปกป้องผู้คนในรุ่นต่อไป การพิจารณาคดีครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่นักเคลื่อนไหวได้กล่าวหารัฐบาลว่าล้มเหลวต่อการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
                          โจทก์จำนวนประมาณ ๒๐๐ คนรวมทั้งนักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศรุ่นเยาว์ ตลอดจนเด็กทารกได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๒๐ โดยมีข้อโต้แย้งว่า รัฐบาลของพวกเขานั้นกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนของพลเมืองโดยไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างเพียงพอ
                           ศาลได้ขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติทบทวนเรื่องการแก้ไขพระราชบัญญัติความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality act) ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๒๐๒๖ โดยยอมรับว่าเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกฎหมายที่มีอยู่นั้นไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากละเมิดต่อหน้าที่ในการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน ตลอดจนล้มเหลวในการปกป้องคนรุ่นต่อ ๆ ไปจากวิกฤติของสภาพภูมิอากาศ
                          กลุ่มผู้สนับสนุนเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศกล่าวว่า นี่เป็นคำตัดสินของศาลสูงแห่งแรกในทวีปเอเชียที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศของรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นแบบอย่างในภูมิภาคอื่นที่มีการฟ้องร้องในคดีที่มีความคล้ายคลึงกัน อย่างประเทศไต้หวันและญี่ปุ่น
ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน ศาลสิทธิมนุษยชนสูงสุดของยุโรปตัดสินว่า รัฐบาลแห่งประเทศสวิสเซอร์แลนด์ได้ละเมิดสิทธิของพลเมืองของตนโดยไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อต่อสู้กับ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

                          คำตัดสินของศาลเกาหลีจึงเต็มไปด้วยเสียงเชียร์ น้ำตา และเสียงปรบมือจากโจทก์ นักเคลื่อนไหว และทนายความ ซึ่งได้มีสโลแกนว่า "คำพิพากษานั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น"
                          “ฉันหวังว่าการตัดสินในวันนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่อที่เด็กๆนั้น จะได้ไม่ต้องยื่นอุทธรณ์ใด ๆ ต่อศาลรัฐธรรมนูญอีก” Han Je-ah อายุ ๑๒ ปี ผู้เป็นหนึ่งในโจทก์กล่าว
                          “วิกฤตทางสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของพวกเรา และไม่มีเวลาต่อความล่าช้าแล้ว” เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากการพิจารณาคดี Kim Young-hee ทนายความโจทก์ได้เรียกคำพิพากษานี้ว่า "การตัดสินใจครั้งสำคัญต่อการลดก๊าซเรือนกระจกของทั้งหมดภายในสังคม"
                           ศาลกล่าวว่า พระราชบัญญัติความเป็นกลางทางคาร์บอนที่ได้บัญญัติในปี ค.ศ.๒๐๑๐ และมีการแก้ไขในภายหลังเพื่อกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ และการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.๒๐๕๐ นั้นล้มเหลวต่อการนำเสนอ “ข้อมูลระดับเชิงปริมาณใดๆ (Any Quantitative levels)” ต่อเป้าหมายต่าง ๆ สำหรับการลดการปล่อยก๊าซในช่วงระยะเวลาระหว่างปี ค.ศ.๒๐๓๑ ไปจนถึง ๒๐๔๙
                          “เนื่องจากไม่มีกลไกใดที่สามารถรับประกันการลดการปล่อยก๊าซอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่องไปจนถึงปี ค.ศ.๒๐๕๐ จึงเป็นการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซที่จะนำไปสู่ภาระที่มากเกินไปในอนาคต” ศาลกล่าวในคำแถลง
                           กระทรวงสิ่งแวดล้อมระบุในแถลงการณ์ว่าเคารพคำตัดสินดังกล่าว และจะดำเนินการตามมาตรการติดตามผลต่อไป Koh Moon-hyun ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัย Soongsil กล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่า การพิจารณาคดีอาจเป็นการจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศอื่นๆ อีกได้
                           “ศาลต้องพิจารณาคำตัดสินในยุโรปและต้องเปลี่ยนจุดยืน” เขากล่าว “มันเป็นการสร้างโอกาสแก่เกาหลีใต้ที่จะทิ้งชื่อเล่นที่มีนามว่า ตัวร้ายของสภาพอากาศ (A climate villain)”
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเกินกว่า ๑.๕ องศาเซลเซียส (๒.๗ องศาฟาเรนต์ไฮน์) โดยเกินกว่าค่าเฉลี่ยในยุคก่อนอุตสาหกรรม อันก่อให้เกิดหายนะและผลกระทบต่อโลกอย่างที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ตั้งแต่การละลายของแผ่นน้ำแข็งไปจนถึงการพังทลายของกระแสน้ำในมหาสมุทร
                            ข้อมูลเปิดเผยว่า ประเทศเกาหลีใต้กำลังมองหาแนวทางการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.๒๐๕๐ แต่ยังคงไว้ซึ่งการสร้างมลพิษจากถ่านหินมากเป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศ G20 รองลงจากประเทศออสเตรเลีย โดยมีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้อย่างช้าๆ
                            ปีที่แล้ว เกาหลีใต้ได้แก้ไขเป้าหมายปี ค.ศ.๒๐๓๐ สำหรับการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม แต่ยังคงเป้าหมายระดับชาติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ ๔๐ เมื่อเทียบกับระดับในปี ๒๐๑๘



ข่าวประจำวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
แปลและเรียบเรียงจาก https://www.reuters.com/world/asia-pacific/south-korean-constitutional-court-says-climate-law-needs-more-future-emissions-2024-08-29/
 *บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย

© 2016 Office of the Council of State.