BANNER

รัฐสภาอิหร่านพิจารณากฎหมายซึ่งมุ่งเป้าไปที่บุคคลมีชื่อเสียงที่ฝ่าฝืนกฎหมายฮิญาบ (hijab law)


 ข่าวต่างประเทศ      31 Aug 2023

  


ภายใต้กฎหมายใหม่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในอิหร่าน “บุคคลมีชื่อเสียง” ที่ฝ่าฝืนข้อจำกัดเรื่องฮิญาบของสาธารณรัฐอิสลามอาจถูกยึดทรัพย์สินร้อยละ ๑๐ ของทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขา ร่างกฎหมายที่เสนอนี้เป็นความพยายามล่าสุดของกลุ่มหัวรุนแรงในรัฐบาลที่จะระงับการสนับสนุนขบวนการประท้วง ผู้หญิง ชีวิต เสรีภาพ (Woman, Life, Freedom)  ซึ่งได้มีนักแสดง นักกีฬา และผู้มีอิทธิพลทางโซเชียลมีเดียชาวอิหร่านจำนวนมากเข้าร่วมจากหลายช่องทาง

เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๒๓ สื่ออิหร่านรายงานว่ารัฐสภาของสาธารณรัฐอิสลามมีแผนที่จะอภิปรายร่างกฎหมายที่จะดำเนินการต่อต้านการประท้วงอย่างกว้างขวางของสตรีชาวอิหร่านต่อข้อกำหนดเรื่องฮิญาบในอิหร่าน ภายใต้กฎหมายปัจจุบันในอิหร่าน ผู้หญิงคนใดที่ไม่คลุมศีรษะและร่างกายของเธอในที่สาธารณะจะมีโทษจำคุกสูงสุด ๒ เดือนหรือปรับสูงถึง ๕๐,๐๐๐ โตมัน ร่างกฎหมายฉบับนี้เสนอให้เพิ่มบทลงโทษสูงสุดสำหรับผู้หญิงทุกคนเป็นจำคุก ๑๐ ปีและปรับ ๑๕๐ ล้านโทมาน (เทียบเท่ากับ ๓,๐๐๐ ยูโรหรือ ๓๐ เท่าของค่าจ้างขั้นต่ำรายเดือน) ซึ่งค่าจ้างรายเดือนขั้นต่ำในอิหร่านอยู่ที่ประมาณ ๑๑๐ ยูโร

ร่างกฎหมายที่เสนอโดยศูนย์วิจัยของรัฐสภา มีบทบัญญัติพิเศษสำหรับ "คนดัง" ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลยึดทรัพย์สินได้ถึงร้อยละ ๑๐ และห้ามไม่ให้ทำงานในสาขาอาชีพของตน เป็นเวลา ๑๕ ปี มีการใช้คำว่า "บุคคลมีชื่อเสียง"หรือ “celebrities” ในร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันโดยทั่วไปในอิหร่าน หมายความว่าสามารถใช้กับผู้คนหลากหลายกลุ่มได้

ในช่วง ๑๐ เดือนของการประท้วง ผู้หญิงอิหร่านจำนวนมากเลือกที่จะเลิกสวมฮิญาบและดำเนินชีวิตประจำวันโดยไม่ปิดบังผม ซึ่งได้มีนักแสดง นักดนตรี และนักกีฬาจำนวนมากเข้าร่วมซึ่งปรากฏตัวโดยไม่คลุมศีรษะในที่สาธารณะและในโซเชียลมีเดียของพวกเขา ผู้มีอิทธิพลด้านความงามและแฟชั่นที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบน อินสตาแกรมและโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ก็ละทิ้งการสวมใส่ฮิญาบเช่นกัน

ข่าวประจำวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เรียบเรียงจาก https://observers.france24.com/en/middle-east/20230728-iranian-parliament-to-consider-law-targeting-celebrities-who-defy-hijab-rules?fbclid=IwAR3baIZmlG-8snw0_rkPhXQw23UUswVVRuGe_Fm8stE-w-L6MFUeBr0T93k

*บทความในเว็บไซต์เป็นผลงานทางวิชาการของผู้เขียนเว็บไซต์ LawforASEAN / สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย
 

© 2017 Office of the Council of State.